เทคนิคการผูกผ้า คือ
การคิดค้นวิธีการใหม่ๆจากทักษะและประสบการณ์ในการปฏิบัติงานมาใช้ในการผูก มัด ร้อย
ตรึง
เทคนิคการจับจีบผ้า คือ การสร้างสรรค์รูปแบบของผลงานด้วยวิธี
การม้วน การซ้อน การพับ การจีบ การรูด
การบิดเกลียว
เทคนิคการผูกผ้าและจับจีบผ้า
ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบและวัตถุประสงค์ของงาน โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยเงินทุน รสนิยม
สาระการเรียนรู้
1. เทคนิคและวิธีการผูกผ้า
2. เทคนิคและวิธีการจับจีบผ้า
3. นำประโยชน์เทคนิคและวิธีการผูกผ้าและจับจีบผ้ามาพัฒนารูปแบบในการปฏิบัติงาน
1. เทคนิคและวิธีการผูกผ้า
2. เทคนิคและวิธีการจับจีบผ้า
3. นำประโยชน์เทคนิคและวิธีการผูกผ้าและจับจีบผ้ามาพัฒนารูปแบบในการปฏิบัติงาน
ผลการเรียนรู้
เพื่อให้มีความรู้
ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคและวิธีการผูกผ้าและจับจีบผ้า
1. บอกรูปแบบและวิธีการจัดตกแต่งสถานที่
2. มีทักษะในการออกแบบและผูกผ้าในการจัดตกแต่งสถานที่
3. มีทักษะในการออกแบบและการจับจีบผ้าในการจัดตกแต่งสถานที่
4. พัฒนารูปแบบการผูกผ้าและจับจีบผ้าได้
5. สามารถทำงานตามกระบวนการของกลุ่ม
ปัจจุบันผ้าเป็นที่นิยมในการนำมาใช้ตกแต่งและประดับสถานที่กันอย่างกว้างขว้าง เป็นการจัดตกแต่งสถานที่ด้วยผ้า
อาจใช้ประดับผ้าอย่างเดียวหรือใช้ผ้าประดับผสมกับการจัดดอกไม้ ขึ้นอยู่กับรสนิยม เงินทุน และวัตถุประสงค์ของการจัดงาน
1. เทคนิคและวิธีการผูกผ้า
1.1 เทคนิคและวิธีการผูกผ้า หมายถึง
การคิดค้นวิธีการใหม่ๆจากทักษะและประสบการณ์ในการปฏิบัติงานมาใช้ในการผูก มัด ร้อย
ตรึงให้เกิดรูปแบบที่สวยงาม
1.2 วิธีการผูกผ้า
การประดับตกแต่งโดยการใช้ผ้า มีวิธีในการจัดตกแต่งได้หลายแบบด้วยกัน
1.3 การผูกดอก เป็นส่วนสำคัญและองค์ประกอบทั้งหมด
มีการจัดวางรูปแบบถูกกำหนดให้เป็นจุดเด่นและเป็นประธานของงานนั้นๆ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญ
เพื่อเป็นการส่งเสริมให้จุดนั้นเป็นที่สะดุดตาและสวยงาม
ขั้นตอนที่ 2 กำหนดความยาวของดอกตามตำแหน่งที่ต้องการ
ขั้นตอนที่ 3 จับจีบผ้าในระยะขอบที่กำหนดโดยกลับไปกลับมาจนหมดทบผ้า
ขั้นตอน 4 ใช้ลวดมัดกึ่งกลางจีบให้แน่น
ขั้นตอน 5 พับตลบจีบให้เป็นกลีบดอกตามต้องการ
ขั้นตอนที่ 6 กำหนดกลีบดอกอย่างน้อย5-6กลีบแล้วคลี่จีบไปในทิศทางเดียวกันจนดอกเกิดความพองฟู
ภาพสำเร็จ
การจับดอกและเฟื่องที่ได้รับการตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว
1.
การกำหนดความแตกต่างด้วยสีของดอก
หมายถึง การประดับดอกซึ่งสับหว่างกัน
ขนาดของดอกต่างกันหรือการจัดทำดอกสลับสี
แต่ถ้าต้องการจุดเด่น
ซึ่งมีความสวยงามและชัดเจนยิ่งขึ้น
ภาพที่ 1 การกำหนดความแตกต่างด้วยสีของดอก
2. การกำหนดความแตกต่างด้วยขนาด หมายถึง
ดอกที่เป็นประธานถ้าใช้สีเดียวกับดอกที่เป็นรองประธาน
ไม่สามารถสร้างจุดเด่นได้
ต้องแก้ไขด้วยการเพิ่มกลีบดอกที่ซ้อนกัน
ทำให้ขนาดของดอกดูเด่น
ภาพที่ 2 การกำหนดความแตกต่างด้วยขนาด
3. การกำหนดความแตกต่างด้วยรูปร่าง หมายถึง
การใช้เทคนิคในการพับรูปร่างของกลีบดอกซึ่งแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความชำนาญและเทคนิค
ภาพที่ 3 การกำหนดความแตกต่างด้วยรูปร่าง
4.
การกำหนดความแตกต่างด้วยส่วนประกอบหรือเพิ่มเติม หมายถึง
การทำดอกด้วยรูปทรงกลมของดอกมีจำนวนกลีบดอกไม่เท่ากัน มีขนาดใหญ่และเล็ก เช่น การจับดอกและเสริมด้วยระย้า
ภาพที่ 4 การกำหนดความแตกต่างด้วยส่วนประกอบหรือเพิ่มเติม
1.2.3 ระย้า หมายถึง
ส่วนการผูกผ้าที่มีลักษณะเป็นพวง
พุ่ม
จะอยู่ภายใต้ดอกหรืออยู่ระหว่างเฟื่องกับดอกรูปแบบของระย้าในการจัดทำจะเน้นที่สี 2
สี สีพับซ้อนกันหรือความสูงต่ำของระย้าทีมีขนาดแตกต่างกัน
ภาพระย้าสีเดียวและระย้าที่เน้น
2 สี ใช้ในการตกแต่งเวที
1.2.4 เฟื่อง หมายถึง องค์ประกอบของงาน นำมาใช้ตกแต่งโดยการผูกผ้าเพื่อแก้ปัญหา
1. แก้ปัญหาพื้นที่โครงสร้าง เช่น รั้ว กำแพง เพดาน เต้นท์
2. แก้ปัญหาเวลา ประหยัดเวลาและลดขั้นตอนในการปฏิบัติงาน
3. แก้ไขด้านปริมาณ จำนวนของผ้ามีจำกัด
4. แก้ไขปัญหาการซ้ำกันของรูปแบบการจัด เพื่อสร้างงานใหม่ให้เป็นจุดเด่น
5. แก้ไขปัญหาพื้นที่โล่ง ว่างและกั้นอนาเขตที่ชัดเจน
1.2.4 เฟื่อง หมายถึง องค์ประกอบของงาน นำมาใช้ตกแต่งโดยการผูกผ้าเพื่อแก้ปัญหา
1. แก้ปัญหาพื้นที่โครงสร้าง เช่น รั้ว กำแพง เพดาน เต้นท์
2. แก้ปัญหาเวลา ประหยัดเวลาและลดขั้นตอนในการปฏิบัติงาน
3. แก้ไขด้านปริมาณ จำนวนของผ้ามีจำกัด
4. แก้ไขปัญหาการซ้ำกันของรูปแบบการจัด เพื่อสร้างงานใหม่ให้เป็นจุดเด่น
5. แก้ไขปัญหาพื้นที่โล่ง ว่างและกั้นอนาเขตที่ชัดเจน
ภาพเฟื่องใช้ แก้ปัญหาพื้นที่โครงสร้าง โดยใช้ผ้า 2 สี